ยุค ดิจิตัล 4.0 คือ ยุคที่ อุตสาหกรรม การผลิต การค้า ระบบขนส่ง เชื่อมโยงระหว่างกัน ผ่านอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ที่เรารู้จักกันในนาม IoT (Internet of Things) หรือ ยุค ที่เริ่มต้น ด้วยคำว่า Smart เช่น Smart Phone, smart home, smart watch, smart factory เป็นต้น โดย มีตัว sensor ที่เป็นตัวกำหนด หรือ ควบคุม เช่น การควบคุม การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้ อินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อและสั่งการ การปิดเปิดไฟ ในบ้าน โดย ใช้มือถือ ในที่ทำงาน เป็นต้น
Briget karlin ของบริษัท Intel ผู้ผลิตชิพ คอมพิวเตอร์ รายใหญ่ของโลก ให้ข้อมูลว่า ภายใน 5 ปี ข้างหน้า จะมีอุปกรณ์ดิจิตอล ใช้กันถึง 50,000 ล้านชิ้น เทียบกับจำนวนประชากรโลกแล้ว หมายความว่า แต่ละคนจะมีอุปกรณ์ ดิจิทัลใช้ถึง 6 ชิ้น
การค้า ยุค ดิจิตัล 4.0 คือ ยุคที่โลก เปลี่ยนจาก สินค้า เกษตร สินค้าอุตสาหกรรม ที่เน้นการผลิต ไปสู่ยุคที่ สินค้า เกษตร และอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ นวัตรกรรม และการบริการ มากกว่า การผลิตเชิงปริมาณ
ประเทศในกลุ่ม อาเซียน (Asian) ถือว่า เป็นกลุ่มประเทศที่มี การรวมตัวและเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง โดยจะเห็นจาก มูลค่า GDP ที่มีจำนวนรวมกันมากถึง 2.5 ล้าน ล้าน เหรียญสหรัฐ (2.5 trillion) หรือ การเติบโตของ GDP เท่ากับ 6% ต่อปี จำนวนประชากรมากกว่า 600 ล้านคน 40% ของจำนวนประชากร อายุต่ำกว่า 30 ปี
เมื่อ อาเซียน มีการจัดตั้ง AEC (Asian Economic Community) อย่างเป็นทางการในปี 2015 อาเซียน ทำปฏิญาณ ร่วมกัน ที่จะให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า การบริการ การลงทุน การเคลื่อนย้ายแรงงานที่มีทักษะ และ การเคลื่อนย้ายเงินทุน อย่างเสรี ในประเทศอาเซียน ดังนั้น คาดการณ์ว่า ในปี 2025 อาเซียนจะเป็นประเทศ 1 ใน 5 ประเทศแรกของโลก ที่เป็นประเทศ ที่มีระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล และประชากรอาเซียน จะกลายเป็น ประชากร ดิจิทัล (Digital Native หมายถึง กลุ่มคนรุนใหม่ ที่มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยี ดิจิทัล ในระดับสูง จะเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก ในอนาคต) การสื่อสาร การค้าขาย ทุกอย่างจะกลายเป็นระบบ ดิจิทัล ทั้งหมด
มองไปในอนาคต อีก 8 ปีข้างหน้า (2525) ประเทศ สิงคโปร์ มาเลย์เซีย ประเทศไทย ขึ้นมาอยู่แถวหน้าในการเข้าสู่ ยุค ดิจิทัล 4.0 โดย 3 ประเทศนี้จะติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศแรกของโลก ที่ก้าวเข้าสู่ ระบบเศรษฐกิจ ดิจิทัล อย่างแท้จริง ส่วนประเทศอื่นๆ ในอาเซียน จะติดอันดับ 1 ใน 40 ประเทศของโลก ที่จะเป็น Digital Native
เมื่อมองกลับมาสู่ ประเทศลาว การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การแข่งขัน และการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ให้กลายเป็นประเทศ ดิจิทัล เป็นประชากร ดิจิทัล ลาวต้อง เตรียมตัวอะไรบ้าง
- 1. Digital Native ( อายุ 15-24 ปี) คือ กลุ่มที่น่าจับตามองมากที่สุด เพราะ เมื่อประชากรกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึง ความต้องการทางเทคโนโลยี ย่อมสูงขึ้น นักการตลาด และเจ้าของธุรกิจ ควรให้ความสนใจ เพราะไม่กี่ปีข้างหน้าคนกลุ่มนี้ จะมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเกี่ยวโยงกับโลก ออนไลน์ มากกว่าคนยุคไหนๆ นั่นหมายความว่า ธุรกิจ และการตลาดต้องปรับตัว เข้าหาแนวคิด Digital Native ให้มากขึ้น และต่างไปจากตลาดที่เน้น การตลาดแบบ คนยุคก่อน (Digital Tourist)
- 2. พัฒนา Broadband หรือ เทคโนโลยีการส่งข้อมูล ความเร็วสูง ผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ ธุรกิจสามารถ เข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็ว และสนุกสนาน มีชีวิต ชีวา
- 3. เชื่อมต่อธุรกิจ เข้ากับระบบการเงินทางมือถือ เชื่อมต่อกับธนาคาร การซื้อขาย การบริการ ทาง ออนไลน์ E-Commerce และการเชื่มต่อเข้ากับเมืองต่างๆ หรือ ประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน
- 4. พัฒนาระบบการศึกษา ให้แก่คนในท้องถิ่น ระบบเศรษฐกิจ และธุรกิจ ในท้องถิ่น ให้มีความรู้ เท่าทันกับเทคโนโลยี และนวัตรกรรมใหม่ๆ
จาก การศึกษา จะพบว่า อีกไม่กี่ปี ประเทศลาวจะก้าวเข้าสู่ยุคการแข่งขันที่ ผู้ประกอบการ SME ต้องตระหนัก และเตรียมตัวเข้าสู่ ยุคสังคม และเศรษฐกิจ ดิจิทัล อย่างเต็มตัว เพราะ การเคลื่อนย้าย เงินทุน การลงทุน แรงงานที่มีทักษะ สินค้า จะเคลื่อนย้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างสรี แม้ว่า ระบบเศรษฐกิจจะเป็นเศรษฐกิจเดียวใน กลุ่ม อาเซียน แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจ ที่จะอยู่รอดได้ แข่งขันได้ และเติบโต ได้ ต้องมีการปรับตัว และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การแข่งขัน ที่ ให้ความสำคัญ กับเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตรกรรมใหม่ๆ และคุณภาพ มากกว่า การแข่งขันทางด้าน ราคา และปริมาณ
